หุ้นกลุ่มยา ถึงแม้ว่าจะโดนภาษียา และนโยบายปรับลดราคายาออกมา ก็ “ยังน่าซื้อ” — แต่ต้อง “เลือกตัวที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการปรับตัวสูง” เท่านั้น เพราะไม่ใช่ทุกบริษัทจะได้รับผลกระทบเท่ากันครับ

หุ้นยา

มีปัจจัยอะไรบ้างตอนนี้ที่กดดันหุ้นยา

การเก็บภาษียา (VAT หรือภาษีสรรพสามิต)
→ กระทบต้นทุน ทำให้ margin (กำไรต่อหน่วย) บางลง

นโยบายลดราคายา (โดยรัฐ)
→ โดยเฉพาะบริษัทที่ขายให้โรงพยาบาลรัฐ จะมีรายได้ลดลงทันที

การแข่งขันสูงขึ้น
→ บริษัทที่ผลิตยาทั่วไป (Generic) เจอคู่แข่งเยอะ กำไรหดง่าย

เพราะฉะนั้นอย่าลืมติดตามข่าวสารปัจจัยพื้นฐานของเรื่องภาษียาไว้ด้วยนะครับ เพราะไม่อย่างงั้นอาจจะเข้าผิดตัว หรือพลาดจังหวะดีๆไปได้ครับ

หุ้นยาไทยที่น่าสนใจ

  1. TMAN (Thailand Manufactory)
  • จุดเด่น: มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนปัจจุบัน เช่น Propoliz และ Attor40 ซึ่งสามารถจำหน่ายในโรงพยาบาลเอกชนและรัฐได้ ทำให้สามารถเบิกจ่ายผ่านประกันได้

  • แนวโน้ม: คาดว่ารายได้จะเติบโต 10-15% ในปี 2568 จากการขยายตลาดและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ยาปลูกผม

  • ราคาเป้าหมาย: 26.10 บาท
  1. MEGA Lifesciences
  • จุดเด่น: เป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและยาสามัญประจำบ้าน มีการกระจายตลาดทั้งในและต่างประเทศ

  • แนวโน้ม: การขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียและยุโรปช่วยเสริมการเติบโตของบริษัท
  1. PR9 (Pharmalink)
  • จุดเด่น: มีความเชี่ยวชาญในการผลิตยาและเวชภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • แนวโน้ม: การขยายตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ช่วยเสริมการเติบโตของบริษัท
หุ้นยา

หุ้นยาสหรัฐฯและต่างประเทศที่น่าสนใจ

  1. Eli Lilly and Company (NYSE: LLY)
  • จุดเด่น: เป็นบริษัทยาอันดับหนึ่งของโลกตามมูลค่าตลาด โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม เช่น Mounjaro และ Zepbound ซึ่งเป็นยาลดน้ำหนักและควบคุมเบาหวาน
  • แนวโน้ม: คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตลาดและการพัฒนายาใหม่ ๆ
  1. Johnson & Johnson (NYSE: JNJ)
  • จุดเด่น: เป็นบริษัทที่มีความหลากหลายทางธุรกิจ รวมถึงยา, อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์ผู้บริโภค
  • แนวโน้ม: มีการเติบโตที่มั่นคงและมีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง
  1. Merck & Co., Inc. (NYSE: MRK)
  • จุดเด่น: มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม เช่น Keytruda และ Gardasil ซึ่งเป็นยารักษามะเร็งและวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
  • แนวโน้ม: คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตลาดและการพัฒนายาใหม่ ๆ
  1. Pfizer Inc. (NYSE: PFE)
  • จุดเด่น: เป็นบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย รวมถึงวัคซีนและยารักษาโรคต่าง ๆ
  • แนวโน้ม: คาดว่าจะมีการเติบโตจากการพัฒนายาใหม่ ๆ และการขยายตลาด

หุ้นยาในต่างประเทศ

  1. Novo Nordisk (CPH: NOVO-B)
  • จุดเด่น: เป็นผู้นำในตลาดยารักษาเบาหวานและยาลดน้ำหนัก โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม เช่น Ozempic และ Wegovy
  • แนวโน้ม: คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตลาดและการพัฒนายาใหม่ ๆ
  1. Sanofi (EPA: SAN)
  • จุดเด่น: มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงยารักษาโรคเบาหวาน, มะเร็ง และวัคซีน
  • แนวโน้ม: มีการเติบโตที่มั่นคงและมีการพัฒนายาใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

ข้อแนะนำในการลงทุน

วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: ควรศึกษาผลประกอบการที่ผ่านมา แนวโน้มการเติบโต และความสามารถในการปรับตัวของบริษัท

ติดตามข่าวสาร: ควรติดตามนโยบายภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยา เช่น การกำหนดราคายาและการสนับสนุนจากโครงการสุขภาพ

กระจายความเสี่ยง: การลงทุนในหลายบริษัทช่วยลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทใดบริษัทหนึ่งโดยเฉพาะ

สุดท้ายใครกำลังมองหาแหล่งเงินทุนดีๆ ลองแวะเข้าไปที่ หวยไว Global Lotto ได้นะครับ มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย มีฝีมือเข้าขั้นปั้มเงินได้ยาวๆครับ

Categories:

Tags:

Comments are closed